วันศุกร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2557

งานประจำสัปดาห์ วันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗


๑. ให้นักศึกษาหาหน่วยงานหรือองค์กรที่นำ KM ไปประโยชน์ใช้ในการจัดการบริหารองค์กรให้เกิดประสิทธิภาพ พร้อมทั้งวิจารณ์ว่าดีในประเด็นใดบ้าง และนำ IT ไปใช้อย่างไรบ้าง
   
     สำนักงานสรรพสามิตภาคที่8 พัฒนาโดยฝ่ายพัฒนาระบบงาน ส่วนเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้จัดทำเว็บเกี่ยวกับ KM Knowledge Management ( http://km8.excise.go.th/kmpak82/ )

เพื่อเป็นสารสนเทศของหน่วยงานและใช้เป็นเครื่องมือในการปฏิบัติงานในด้านต่าง ๆ ในกิจการของสำนักงาน ทำให้การทำงานเป็นระบบและเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
     ประเด็นการใช้ IT ในการจัดการความรู้ภายในองค์กรโดยจัดทำเว็บดังกล่าวขึ้น 
     ประเด็นการพัฒนา เว็บ โดย ฝ่ายพัฒนาระบบงาน ส่วนเทคโนโลยีสารสนเทศ
     ประเด็น แนวคิดดีของสำนักงาน คือ เว็บลิงค์ทางเราจะพยายามรวบรวมเว็บที่มีประโยชน์ เพื่อให้ทุกท่านได้ค้นหาข้อมูลต่าง ๆ จากแหล่งข้อมูลนี้



๒. จากรูปภาพในหน้าที่ผ่านมา นักศึกษาคิดว่าน่าจะมีตัว S อีกกี่ตัวอะไรบ้างที่เกี่ยวข้องกับ KM 
Solve => ตีความ/อธิบาย นำไปใช้ในเรื่องการอธิบายหรือตีความ บทความต่างๆ แล้วนำความรู้ที่เราได้ตีความออกมาอธิบายเป็นความรู้ในแบบฉบับของตน เพื่อเข้าใจในบทความนั้นๆง่ายยิ่งขึ้น

Study => ศึกษา/ค้นคว้า นำไปใช้ในเรื่องของการสืบค้นข้อมูล การค้นคว้าความรู้ใหม่ๆอยู่เสมอ ศึกษาวิธีการจัดการองค์ความรู้แบบต่างๆแล้วนำมาปรับใช้กับการจัดการความรู้ในแบบของตน

Storage => ตัวเก็บข้อมูล นำไปใช้ในเรื่องของการจัดเก็บข้อมูล หลังจากที่เราได้ทำการสืบค้น ศึกษาค้นคว้าหาความรู้ นำความรู้ที่ได้มาจัดเก็บในตัวเก็บข้อมูล เช่น แฟลตไดร์ฟ เอ็กเทอนอลเมมโมรี่ เป็นต้น
Sheave => รวบรวม นำไปใช้ในเรื่องของการรวบรวม ไม่ว่าจะเป็นการรวบรวมประวัติ รวบรวมผลงาน รวบรวมความรู้ รวบรวมเอกสารต่างๆเป็นการจัดการองค์ความรู้ให้เป็นหมวดหมู่อย่างเป็นระบบมากยิ่งขึ้น รวบรวมในเรื่องขององค์ความรู้ต่างๆ ที่เราเคยทำนำมาอยู่ที่เดียวกัน เว็บเดียวอาจมีหลายลิงค์องค์ความรู้
 

วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

งานในวันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ และ วันศุกร์ที่ 14 เป็นวันหยุดราชการ (มาฆบูชา)

ขอให้ตอบคำถามต่อไปนี้
1. ท่านคิดว่า Blog ในอนาคตสำหรับการจัดการความรู้ ควรจะมีคุณสมบัติพิเศษเพิ่มเติมอย่างไร พร้อมยกตัวอย่างเป็นรูปกราฟฟิก
2. ท่านคิดว่า “การวิเคราะห์และการสังเคราะห์ความรู้ ใน KM มีความแตกต่างกันอย่างไร”
3. ท่านคิดว่า “นอกจาก เทคโนโลยี RSS ที่มาช่วยการสนับสนุนการจัดการความรู้แล้ว ในอนาคตควรจะมีอะไรเทคโนโลยีอะไรบ้างเพื่อทำให้การจัดการความรู้มี ประสิทธิภาพเพิ่มมากยิ่งขึ้น”
4. ท่านคิดว่า “การจัดการองค์กรแห่งการเรียนรู้ด้วย KM สิ่งใดที่จะทำให้เป็นปัญหาและอุปสรรคในการจัดการดังกล่าว”

ตอบ 
1.) ขยาย พื้นที่สำหรับการนำเสนอเนื้อหา ความรู้ของ Blogger ให้สามารถนำเสนอแบบสองมิติ หรือสามมิติ แสดงคล้ายกับการจัดนิทรรศการ แต่เป็นในรูปแบบการฉาย Blogger กลางอากาศ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานที่แบบไหน ก็สามารถนำเสนอองค์ความรู้นั้นๆได้



2.) การ จัดการองค์ความรู้นั้นต้องผ่านกระบวนการประมวลผลความรู้ เพื่อให้ได้องค์ความรู้นั้นๆออกมา ซึ่งการวิเคราะห์และการสังเคราะห์ความรู้เป็นหนึ่งในกระบวนการประมวลผล และทั้งสองมีความแตกต่างกันคือการวิเคราะห์เป็นการแยกแยะความรู้ออกเป็น ส่วนๆ เพื่อทำความเข้าใจในความรู้นั้นๆ ส่วนการสังเคราะห์เป็นการพัฒนาความรู้เพื่อให้ได้องค์ความรู้ใหม่ๆออกมา ซึ่งบางความรู้อาจจะผ่านกระบวนการวิเคราะห์แยกแยะมาก่อน หรืออาจะไม่ผ่านก็ได้
3.) นำ เทคโนโลยี Social Network มาใช้พัฒนาองค์ความรู้โดยการแปลองค์ความรู้จากภาษาหนึ่งไปเป็นอีกภาษาหนึ่ง ให้เป็นภาษาของประเทศนั้นๆ กระทำผ่านสังคมออนไลน์ ซึ่ง *เทคโนโลยี Social Network หมายถึง กลุ่มสังคมเครือข่าย ซึ่งเป็นการติดต่อสื่อสารของกลุ่มคนที่เชื่อมโยงกันเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ กล่าวคือ เป็นสังคมบนโลกอินเทอร์เน็ตที่มีบุคคลจำนวนมากเข้ามาติดต่อสื่อสารกัน โดยมีเว็บไซต์เป็นศูนย์กลางในการสื่อสารบุคคลเหล่านี้จะใช้เว็บไซต์เพื่อแสดงหรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับบุคคลอื่นที่อยู่ห่างไกลกัน สังคมรูปแบบนี้ขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากการใช้งานอินเทอร์เน็ตเป็นการติดต่อสื่อสารแบบไร้ขอบเขต ด้วยรูปแบบการติดต่อสื่อสารนี่ส่งผลให้ลักษณะการใช้งานเว็บไซต์
4.) ปัญหา และอุปสรรค ทีสำคัญคือ การที่คนภายในองค์กรมี อคติต่อต้าน ไม่ให้ความร่วมมือ ไม่มีจิตใจที่จะทำงานร่วมกับผู้อื่น อาจส่งผลเสียให้องค์กรเกิดความเสียหาย ทั้งภายในและภายนอกองค์กร

*ที่มา:https://sites.google.com/site/beauvysite/khwam-ru-keiyw-kab-web-thekhnoloyi/social-network

วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

งานส่งภายในวันพฤหัสบดีที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗

เพื่อไม่ให้เสียโอกาสทางศึกษาและเกิดการคิดทำให้เกิดความรู้ ดังนั้น จึงให้ทุกท่านอ่านบทความต่อไปนี้ http://msrivirat.blogspot.com/2014/02/knowledge-management.html?m=1

แล้ววิจารณ์โดยให้เสนอประเด็นใดเพิ่มเติมก็ได้ ๓ ประเด็น โดยตอบใน blog ของท่านเช่นเคย ครับ ส่งภายในวันพฤหัสบดีที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗

ประเด็น แรกคือในการทำ KM (Knowledge Management) นั้นต้องเริ่มจากการรับสาร(ข้อมูล) เช่นจากการรับรู้ข้อมูล ทั้งการดู การฟัง การอ่าน แล้วค่อยนำมาประมวลผล คิด วิเคราะห์ออกมาเป็น KM ทำให้เกิดความรู้ขึ้นมา

ประเด็นที่สองคือ การที่จะทำให้ "การจัดการความรู้" สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการพัฒนาด้านการศึกษาในทุกระดับได้อย่างแท้จริง นั้น ต้องมีการจัดองค์ความรู้ทุกระดับการศึกษา ให้มีความชัดเจนถูกต้อง และสามารถนำความรู้ที่ได้ไปปฏิบัติให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ศึกษาองค์ความรู้ นั้นๆ ในทุกระดับการศึกษา เป็นพลังขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาบุคคล และสังคมให้มีความเข้มแข็ง 

ประเด็น ที่สามคือ เชื่อในการที่ได้เรียนรู้ด้วยตนเอง ทุกสิ่งทุกอย่างต้องเกิดจากการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง อาจจะใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ข้อเท็จจริง ความถูกต้องขององค์ความรู้นั้นๆ เราต้องเรียนรู้ที่จะเป็นนักคิด และ คิดที่จะเรียนรู้  

ที่กล่าวมาทั้งสามประเด็นนี้ต้องอยู่บนพื้นฐานของความดี มีคุณธรรม จริยธรรม อย่าใช้ความรู้ในทางที่ผิด จงใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง และ สังคม 

วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

งานวันที่ 24/01/2557

นอกเหนือจาก ปัญหา 6 ข้อดังต่อไปนี้ ท่านคิดอย่างไร


1. การถ่ายทอดความรู้ระหว่างบุคคลกับองค์กร เช่นปัญหาการไม่แบ่งปันความรู้ บริษัทหนึ่งมีการส่งพนักงานไปสัมมนา หรือฝึกอบรม หลังจากที่กลับมาแล้ว ก็เก็บความรู้เอาไว้คนเดียว หรืออาจจะรายงานให้หัวหน้าทราบเพียงเท่านั้นแต่พนักงานคนอื่นอีกหลายคนในองค์กรที่ไม่ได้ไปจะไม่รับรู้เลยว่าคนที่ไปฝึกอบรม หรือไปสัมมนามานั้น ได้อะไรกลับมา เพราะไม่มีการเก็บบันทึกรายงานหรือสิ่งที่น่าสนใจที่ได้จากการอบรมหรือสัมมนาในครั้งนั้น ๆ ไว้ในฐานข้อมูล อินเทอร์เน็ต หรือเว็บไซต์ หากองค์กรไม่มีนโยบายที่ชัดเจนในเรื่องเช่นนี้ ก็จะให้การลงทุนไปกับการส่งพนักงานไปฝึกอบรม หรือเข้าร่วมสัมมนา อาจจะเป็นการ ลงทุนที่สูญเปล่า
2. การจัดเก็บความรู้ขององค์กร จัดเก็บไว้หลากหลายแหล่ง หลายรูปแบบ มีทั้งที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ และไม่เป็นอิเล็กทรอนิกส์กระจัดกระจายในยามที่ต้องการข้อมูลเพื่อการตัดสินใจแบบด่วน จะทำไม่ได้เพราะต้องใช้เวลารวบรวมข้อมูลนาน ทำให้เสียผลประโยชน์ต่อองค์กร
3. การไม่นำความรู้ขององค์กรมาสร้างความสามารถในการแข่งขัน หรือก่อให้เกิดประโยชน์อย่าง แท้จริง ในองค์กรมีความรู้มากมาย ที่ได้จากการวิจัยหรือประสบการณ์จากการทำงาน แต่วิจัยแล้วก็จบไปไม่นำไปประยุกต์เพื่อทำให้เกิดผลทางธุรกิจต่อไป หรืองบโครงการหมดก็จบโครงการไปไม่มีการสานต่อหรือองค์กรมีผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญที่สามารถออกไปสอนองค์กรอื่นให้ประสบความสำเร็จ มีความรู้ แต่ในขณะเดียวกัน ท่านเหล่านั้นกลับยุ่ง และไม่มีเวลาเหลือพอที่จะพัฒนาคนในองค์กรเดียวกันเลย ก็กลายเป็นความสูญเปล่าที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น
4. การสร้างความรู้ใหม่ สิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าไม่มีการสะสมความรู้ที่มีอยู่เดิมอย่างเป็นระบบ เมื่อไม่เกิดความรู้ใหม่ อีกทั้งความรู้เดิมไม่ได้เก็บไว้ด้วยแล้วองค์กรก็จะไม่เหลืออะไร และจะตายลงในที่สุด
5. การไม่นำความรู้ภายนอกมาปรับใช้
 อาจจะทำให้ตามสถานการณ์โลก และคู่แข่งไม่ทัน
6. ความรู้ในองค์กร
 ความรู้ภายนอกองค์กร ไม่เชื่อมโยงกับงาน และขาดบริบทในการปฏิบัติงาน 

ตอบ
 1.ต้องเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้อย่างสม่ำเสมอ ยกตัวอย่างเช่น ส่วนราชการมีหน้าที่พัฒนาความรู้ในส่วนราชการเพื่อให้มีลักษณะเป็นองค์แห่งการเรียนรู้อย่างสม่ำเสมอ 
 2.ต้องรับรู้ข้อมูลข่าวสารและสามารถประมวลผลความรู้ในด้านต่างๆ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติราชการได้อย่างถูกต้อง รวดเร็วและเหมาะสมกับสถานการณ์ 
 3.ต้องส่งเสริมและพัฒนาความรู้ความสามารถสร้างวิสัยทัศน์และปรับ เปลี่ยนทัศนคติของข้าราชการในสังกัดให้เป็นบุคลากรที่มีประสิทธิภาพและมีการ เรียนรู้ร่วมกัน เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติราชการของส่วนราชการให้สอดคล้องกับการบริหาร ราชการให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามพระราชกฤษฎีกา